สำรวจระบบการศึกษา
อย่างที่รู้กันว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายมาก นี่เป็นสภาพแวดล้อมหนึ่งที่ทำให้น้องๆ เกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ห้องเรียนของที่อเมริกายังเป็นห้องเรียนขนาดเล็ก ทำให้นักศึกษากับอาจารย์มีความใกล้ชิดกัน และทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพมาก โดยอาจารย์จะทุ่มเทในการสอน เวลานอกชั้นเรียนก็จะใช้มาพัฒนาจุดอ่อนของนักเรียนด้วย นอกจากนี้ที่อเมริกายังมีสโมสรและชมรมต่างๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ที่มีความสนใจคล้ายกันอีกด้วย
เลือกคอร์สที่ใช่
การเลือกคอร์สหรือสาขาที่เหมาะกับตัวน้องๆ จะส่งผลต่อประสบการณ์ตลอดช่วงเวลาที่น้องศึกษาในประเทศนั้นๆ หากน้องไม่ทราบว่าแต่ละสาขาวิชาและมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งแตกต่างกันอย่างไร การเปรียบเทียบจากอันดับระดับประเทศหรือระดับโลกในด้านต่างๆ เช่น การเรียนการสอน สภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก ความพึงพอใจของนักศึกษา ฯลฯ อาจช่วยใน้องตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอเมริกามีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกถึง 148 แห่ง และมหาวิทยาลัย 39 แห่งก็อยู่ใน 100 อันดับแรกในการจัดอันดับของ Times Higher Education World University Rankings 2016-17
ประสบการทำงานและการจ้างงาน
ที่อเมริกานักเรียนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ทำงานในหาวิทยาลัยได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ดังนั้นน้องๆ จะได้ประสบการณ์ในการทำงานแน่นอน นอกจากนี้ยังได้ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพิ่มด้วยนะ บางครั้งทำงานในมหาวิทยาลัยก็ยังได้หน่วยกิตอีกด้วย ในปีแรกของการเรียน น้องๆ ยื่นขอทำงานนอกมหาลัยได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยอีกข้อดีของอเมริกาก็คือ น้องๆ ที่ถือวีซ่า F-1 สามารถสมัครขอฝึกงานภาคปฏิบัติ (OPT) ซึ่งอนุญาตให้น้องทำงานในสาขาที่เลือกไว้เป็นระยะเวลา 12-24 เดือนหลังจบการศึกษาอีกด้วย บริษัทบางแห่งอาจรับรองและสนับสนุนนักศึกษาให้ได้รับวีซ่าทำงานชั่วคราว H1-B ซึ่งอนุญาตให้อาศัยต่อในสหรัฐอเมริกาได้ตราบใดที่ยังทำงานให้กับบริษัทนั้น สถานศึกษาส่วนใหญ่ในอเมริกามีแผนกบริการด้านอาชีพ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือนักศึกษาในการเขียนประวัติส่วนตัว การสอนทักษะการสัมภาษณ์งาน และการช่วยหางานอยู่แล้ว ดังนั้นน้องๆ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไปทำงานอะไรได้บ้าง เพราะมีโอกาสมากมายรอน้องๆ อยู่ที่อเมริกา